การตัดสินใจซื้อคอนโดมิเนียม โดยเฉพาะใจกลางเมืองอย่างกรุงเทพฯ แน่นอนว่าทำเลคือปัจจัยหลักที่ควรคำนึงเป็นอันดับแรก ตามด้วยการออกแบบ และฟังก์ชันของการใช้งาน หรือบ้างก็มองหาคอนโดเลี้ยงสัตว์ได้ ที่ตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์ของตัวเองและสัตว์เลี้ยง
หรือหากมองหา คอนโดเพื่อการลงทุน ปัจจัยสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม คือเรื่องของ "กรรมสิทธิ์" ว่าเป็นแบบ “Freehold” หรือ “Leasehold” เพื่อคำนวณผลตอบแทนการลงทุนได้อย่างถูกต้อง และพิจารณาความคุ้มค่าของการลงทุนในระยะยาวได้อย่างแม่นยำ สองคำนี้จะบอกได้ว่าคอนโดที่เรากำลังมองหาคุ้มค่ากับการลงทุนในระยะยาวแค่ไหน รวมถึงตอบโจทย์กับความต้องการหรือไม่
กรรมสิทธิ์ทั้งสองแบบต่างกันอย่างไร ? เข้าใจง่าย ๆ ก่อนลงทุน
เพราะทั้งสองแบบนี้มีความแตกต่างในเรื่องการถือครองกรรมสิทธิ์ ระยะเวลาถือครอง รวมถึงการคำนวณผลตอบแทนที่จะได้รับในระยะยาว ซึ่งสามารถบ่งชี้ความแตกต่างเพื่อให้คำนวณผลตอบแทนจากการซื้อ คอนโดเพื่อการลงทุน ได้อย่างคุ้มค่าที่สุด
Freehold ได้ถือครองกรรมสิทธิ์ “ตลอดไป”
พูดง่าย ๆ คือการ "ซื้อขาด" โดยผู้ซื้อถือกรรมสิทธิ์เป็นเจ้าของเต็มตัว ทั้งห้องที่ซื้อ รวมถึงสัดส่วนของที่ดินที่ปลูกสร้างอาคารนั้นด้วย โดยไม่มีกำหนดระยะเวลาในการครอบครอง ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ทรัพย์สินนี้ก็ยังคงเป็น “กรรมสิทธิ์” ของผู้ซื้อตลอดไป ซึ่งหมายความว่าผู้ซื้อมีสิทธิ์เต็มที่ในการใช้ประโยชน์จากห้องของตัวเองซึ่ง คอนโดกรุงเทพ กรรมสิทธิ์ Freehold สามารถปล่อยเช่าเพื่อสร้างรายได้ รวมถึงสามารถดำเนินการขายต่อเพื่อทำกำไรได้อย่างอิสระ ไม่มีข้อผูกมัดหรือข้อจำกัดจากระยะเวลาของสัญญาเช่าที่อาจหมดลง ที่สำคัญคือ ผู้ซื้อสามารถส่งต่อกรรมสิทธิ์ Freehold ให้แก่ลูกหลาน หรือคนที่ต้องการได้ ทำให้เป็นการ "ซื้อขาด" อย่างแท้จริง และเป็นสินทรัพย์ชิ้นสำคัญที่สามารถใช้สร้างมรดกและความมั่งคั่งจากรุ่นสู่รุ่น จะเห็นได้ว่าการซื้อคอนโดเพื่อการลงทุน ส่วนใหญ่จะเป็นในรูปแบบของ Freehold
Leasehold เช่าสิทธิ์ “ตามระยะเวลาที่กำหนด”
ในทางตรงข้าม Leasehold คือการถือครองสินทรัพย์ชั่วคราว โดยมี "สิทธิ์ในการเช่าเพื่อใช้ประโยชน์" จากทรัพย์สินนั้น ๆ เป็นระยะเวลาที่กำหนดไว้ในสัญญาเช่า ซึ่งโดยทั่วไปแล้วในประเทศไทย สัญญาเช่าอสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัยจะมีระยะเวลาสูงสุดอยู่ที่ 30 ปี และอาจมีเงื่อนไขให้ต่อสัญญาได้อีกเป็นครั้ง ๆ เช่น ต่อได้อีก 2 ครั้ง ทำให้รวมแล้วสามารถครอบครองได้สูงสุด 90 ปี ดังนั้นหากมีเป้าหมายที่จะ ซื้อคอนโดปล่อยเช่า ก็ควรพิจารณาถึงข้อนี้อย่างจริงจัง
แม้จะมีสิทธิ์ใช้ประโยชน์จากห้องที่เช่าสิทธิ์ได้ แต่ไม่ได้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในตัวอาคารหรือที่ดินอย่างแท้จริง เมื่อระยะเวลาตามสัญญาเช่าสิ้นสุดลง สิทธิ์การใช้ประโยชน์จะหมดลง และกรรมสิทธิ์จะกลับคืนไปสู่เจ้าของเดิม เว้นแต่จะมีการต่อสัญญาใหม่
โครงการ Leasehold มักจะมีราคาขายเริ่มต้นถูกกว่า Freehold และเป็นทางเลือกที่นิยมสำหรับชาวต่างชาติที่ต้องการครอบครองบ้านหรือที่ดินในประเทศไทยในระยะยาว เพราะกฎหมายไทยมีข้อจำกัดเรื่องกรรมสิทธิ์ที่ดินสำหรับชาวต่างชาติโดยตรง
อย่างไรก็ตาม Leasehold อาจมีข้อกังวลเรื่องมูลค่าของทรัพย์สินที่อาจจะลดลงเมื่อระยะเวลาเช่าเหลือน้อยลง ทำให้การขายต่ออาจทำได้ยากขึ้น หรือได้ราคาที่ต่ำกว่า Freehold ดังนั้นคอนโด Leasehold จึงค่อนข้างไม่นิยมในการทำเป็น คอนโดเพื่อการลงทุน
แล้วทำไม SCOPE Langsuan ถึงมีความพิเศษอย่างมากในด้านทำเล ?
โครงการตั้งอยู่บนที่ดินกรรมสิทธิ์ “Freehold” ที่หาได้ยาก
“ทำเลหลังสวน” โดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นที่ดินประเภท Leasehold ซึ่งต้องเช่าจากสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ซึ่งทำเลดังกล่าวจะอยู่บริเวณรอบ ๆ สวนลุมพินี สวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่มีพื้นที่สีเขียวร่มรื่นใจกลางกรุงเทพ
แต่ SCOPE Langsuan เป็นกรรมสิทธิ์ “Freehold ที่หาได้ยาก” ซึ่งนอกจากจะตั้งอยู่ในบริเวณรอบสวนลุมพินีที่ราคาที่ดิน Freehold สูงลิ่ว และหาที่ดินผืนใหญ่มาสร้างที่อยู่อาศัยได้ยากมาก
การได้ครอบครองคอนโดที่นี่จึงเหมือนได้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ Freehold ที่ "หายาก และคุ้มค่าการลงทุน" โดยนับวันก็ยิ่งมีคุณค่าสูงขึ้นเรื่อย ๆ
ทำเลศูนย์กลางตอบโจทย์ชีวิตคนเมือง
โครงการของ SCOPE ตั้งอยู่บนทำเลที่เชื่อมต่อทุกอย่างในกรุงเทพฯ ได้อย่างลงตัว ทั้งแหล่งช้อปปิ้ง ร้านอาหาร โรงพยาบาลชั้นนำ และใกล้กับสถานีรถไฟฟ้า รวมถึงทุกโครงการของ SCOPE COLLECTION เป็นคอนโดเลี้ยงสัตว์ได้ รวมถึงมี Pet Care ในโครงการพร้อมบริการอาบน้ำ ตัดขน และอื่น ๆให้ครบครัน
มีศักยภาพในการลงทุนสูง
คอนโดกรุงเทพ ทำเลใจกลางเมือง สามารถดึงดูดผู้เช่าได้ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่ต้องการที่อยู่อาศัยในที่ตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์ของตัวเอง รวมถึงการได้ครอบครอบกรรมสิทธิ์แบบ Freehold ก็ทำให้โครงการ SCOPE เป็นคอนโดเพื่อการลงทุนที่คุ้มค่าในระยะยาว
ระหว่าง Freehold กับ Leasehold ควรเลือกแบบไหนดี ?
เมื่อเข้าใจแล้วว่ากรรมสิทธิ์ Freehold ของ SCOPE COLLECTION มีความพิเศษยังไง ผู้ซื้อจะสามารถตัดสินใจ และเลือกคอนโดเพื่อการลงทุนให้ตอบโจทย์กับเป้าหมายของตัวเองได้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการเลือกซื้อคอนโดไว้เป็นทรัพย์สินเพื่อส่งต่อให้กับลูกหลานได้ในอนาคต หรือการลงทุนเพื่อความคุ้มค่าในระยะยาว
Freehold เหมาะกับใคร ?
คนที่ต้องการเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์แบบ 100% เต็ม ๆ
หากผู้ซื้อต้องการถือครองกรรมสิทธิ์คอนโดแบบสมบูรณ์ ทั้งตัวห้อง และสัดส่วนของที่ดินแบบถาวร ไม่มีข้อผูกมัดเรื่องระยะเวลา Freehold คือคำตอบที่ใช่ที่สุด เพราะได้เป็นเจ้าของจริง ไม่ใช่แค่ผู้เช่าระยะยาว
มองหาการลงทุนระยะยาว
หากเป้าหมายคือการสร้างความมั่งคั่งผ่านการลงทุนคอนโดหรู กรุงเทพในระยะยาว หรือต้องการส่งต่อเป็นทรัพย์สินให้แก่ลูกหลาน Freehold มีโอกาสที่จะสร้าง Capital Gain ในอนาคตได้สูงกว่ามาก โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในทำเลทองที่หายาก และเป็นที่ต้องการของตลาดอยู่เสมอ รวมถึงการเป็นเจ้าของแบบ Freehold ยังทำให้มีอำนาจตัดสินใจเต็มที่ในการปรับปรุง ตกแต่ง ดัดแปลงภายในห้องชุดของได้ตามต้องการ และไม่มีข้อจำกัดเมื่อต้องการปล่อยเช่า หรือขายต่อตามสภาวะตลาด จึงเหมาะกับการเป็น คอนโดเพื่อการลงทุน เป็นอย่างมาก
Leasehold เหมาะกับใคร ?
มีงบประมาณจำกัดในการลงทุน
โดยทั่วไปแล้ว ราคาเริ่มต้นของคอนโดมิเนียมแบบ Leasehold มักจะถูกกว่า Freehold ทำให้ใช้เงินลงทุนเริ่มต้นน้อยกว่า และอาจเข้าถึงได้ง่ายกว่าสำหรับนักลงทุนบางกลุ่มที่มองเห็นโอกาส
ต้องการใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินแค่ช่วงเวลาสั้น ๆ
หากมีแผนที่จะอยู่อาศัยหรือลงทุนใน คอนโดหรู ในระยะสั้นเพียงแค่ 20 - 30 ปี ไม่ได้มีความตั้งใจที่จะครอบครองแบบถาวร หรือไม่ได้คิดจะส่งต่อเป็นมรดก การเลือก Leasehold ก็อาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกว่า
นักลงทุนที่เน้น Rental Yield ระยะสั้น
นักลงทุนบางรายอาจเลือก คอนโดเพื่อการลงทุน ในแบบ Leasehold ที่ไม่ได้เน้น Capital Gain แต่เน้นไปที่การสร้างกระแสเงินสดจากค่าเช่าในช่วงระยะเวลาของสัญญาเช่าที่ชัดเจน
SCOPE COLLECTION - การลงทุนที่ดี ต้องเรียบง่าย ไม่ยุ่งยาก
ดังนั้นการเลือกระหว่างกรรมสิทธิ์ Freehold และ Leasehold ก็จะขึ้นอยู่กับเป้าหมายของนักลงทุนที่จะซื้อคอนโดปล่อยเช่า
ซึ่งหากกำลังมองหาความมั่นคงระยะยาว อยากเห็นมูลค่าทรัพย์สินเติบโตต่อเนื่อง และต้องการคอนโดเพื่อการลงทุนแบบที่ได้เป็นเจ้าของ 100% Freehold คือคำตอบที่ “ใช่” ที่สุด ให้ผลประโยชน์สูงสุดอย่างแท้จริง
และนี่คือเหตุผลว่าทำไมคอนโดหรู SCOPE COLLECTION ถึงได้เลือกทำเลที่เป็น Prime & Unique ของกรุงเทพฯ และที่สำคัญยังเป็นกรรมสิทธิ์แบบ “Freehold” ทุกโครงการ
เพราะทางโครงการเชื่อมั่นว่าการได้เป็นเจ้าของสินทรัพย์ที่มั่นคง ในทำเลที่ดีที่สุด คือการลงทุนที่มีคุณค่าอย่างแท้จริง และสามารถเติบโตขึ้นไปพร้อมกับเวลา สร้างความมั่งคั่งให้กับผู้ซื้อได้ในระยะยาว